ถ่ายทอดโดยทองทิว สุวรรณทัต
“กระดูกบนเสากระโดงเรือ”
เรื่องที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นเรื่องของท่านผู้หนึ่ง ซึ่งได้รับการติดต่อจาก อาจารย์ อุบล สุวรรณภาณุ ธิดาคนโตของท่านอาจารย์ พล.ร.ต. หลวงสุวิชานแพทย์ ร.น. ขอนำเรื่องประสบการณ์ของท่านผู้หนึ่งมาพิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพท่านบิดา แต่เนื่องจากต้นฉบับได้รับหลังจากงานผ่านพ้นไปแล้ว จึงมิได้นำไปพิมพ์ในครั้งนั้นตามเจตนาของอาจารย์อุบลฯ จนเมื่อไม่นานมานี้ อาจารย์อารยา สุวรรณภาณุ ซึ่งเป็นน้องของอาจารย์อุบลไปพบต้นฉบับอีกครั้ง จึงขออนุญาตนำมาพิมพ์ในครั้งนี้
ผู้เขียนต้องขอประทานอภัยที่มิได้เอ่ยนามเจ้าของต้นฉบับนี้ ทั้งนี้ เพราะไม่ปรากฏนามในต้นฉบับให้เอ่ยถึงได้เลย
“ผม (ท่านผู้ไม่ปรากฏนาม) ได้ทราบจากอาจารย์อุบล สุวรรณภาณุ ธิดาคนโตของ พล.ร.ต. หลวงสุวิชานแพทย์ ร.น. อดีตนายแพทย์ใหญ่กรมแพทย์ทหารเรือ ซึ่งถึงแก่อนิจกรรมไปแล้วนั้น มีความประสงค์จะให้ผมเขียนเรื่องของท่านเจ้ากรมฯ ที่ผมพอจะทราบบ้างไปให้ท่านเพื่อรวมเรื่องไปให้พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ
ผมจึงขอเขียนเรื่องราวที่ได้รับทราบมาจากนายยุ้ย คนไทยเชื้อจีนไหหลำ ซึ่งขณะนี้ (พ.ศ. ๒๕๓๐) จะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าก็ไม่สามารถจะทราบได้ เพราะไม่ได้พบกันมาประมาณ ๒๐ ปีแล้ว และผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ผมคิดว่าปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๓๐) คงจะมีชีวิตอยู่น้อยราย เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นร่วม ๔๐ ปี มาแล้ว ครั้งสงครามโลกครั้งที่ ๒ เพิ่งจะเลิกใหม่ๆ (สงครามยุติในปี พ.ศ. ๒๔๘๘)
แต่ก่อนที่จะเล่าเรื่องต่อไป ก็จำเป็นต้องขออนุญาตเล่าประวัติย่อๆ ของผมสักเล็กน้อย กล่าวคือ อดีตผมเป็นนักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๔ ซึ่งเรียนไม่สำเร็จ และได้ออกมาหาเลี้ยงชีพโดยทำงานในเรือสินค้าที่เดินทางระหว่างกรุงเทพฯ กับต่างประเทศ ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เมื่อ ๒๐ ปีมาแล้วผมทำงานอยู่เรือนครไทย ซึ่งเดินประจำกรุงเทพฯ – ญี่ปุ่น มี ร.ต.อมฤทติ วิสุทธิธรรม ร.น. (ถึงแก่กรรมไปแล้ว) เป็นนายเรือหรือที่ภาษาทั่วๆ ไปเรียกว่ากัปตันนั่นเอง ส่วนผมนั้นเป็นต้นหนที่ ๓ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต่ำที่สุดของนายประจำเรือ (Deck Officer) ดังนั้นผมจึงได้คลุกคลีกับพวกลูกเรือ (Crew) ผมจะมีบ๋อยทำความสะอาดห้องพักของผมเป็นคนไทยเชื้อสายไหหลำ ชื่อ นายยุ้ย นามสกุลจำไม่ได้ ขณะนั้นมีอายุประมาณ ๕๐ ปี ผมเองในตอนนั้นอายุ ได้ ๓๕ ปี เราสนิทสนมกันมาก ผมชอบคุยกับแกเสมอ เพราะแกมีประสบการณ์ในการทำงานบนเรือสินค้ามากกว่าผม และพอจะเข้าใจภาษาไทยได้ ถึงแม้จะพูดไทยไม่สู้จะชัดเจนนักก็ตาม
เรื่องที่แกเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่งมีดังนี้ : -
เมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่สองเลิกใหม่ ๆ รัฐบาลไทยได้รับเรือสินค้าเก่าจากสหรัฐอเมริกามาหลายลำในจำนวนนั้นมีอยู่ลำหนึ่งทางราชการเปลี่ยนชื่อเรือเป็น เรือนางเสืองนาวา มีคุณหลวงดำรงฯ เป็นนายเรือหรือกัปตัน วิ่งรับส่งสินค้าระหว่างกรุงเทพฯ กับสิงคโปร์ เป็นประจำ ตัวนายยุ้ยเป็นบ๋อยคอยรับใช้กัปตัน มีหน้าที่ทำความสะอาดห้องนอนและยกอาหารให้กัปตันรับประทาน
ต่อมาในเรือเที่ยวหนึ่ง ที่เดินทางจากสิงคโปร์มากรุงเทพฯ กัปตันเรือซึ่งปกติเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ถึงแก่กรรมบนเตียงนอนโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ส่วนมากเข้าใจกันว่าหัวใจวาย ขณะที่เรือเพิ่งเริ่มออกมาจากทางสิงคโปร์ได้เพียงวันเดียว ยังเหลืออีกสองวันจะถึงกรุงเทพฯ
เมื่อถึงกรุงเทพฯ แล้ว ทางบริษัทไทยเดินเรือทะเล ซึ่งเป็นเจ้าของเรือ ได้เชิญคุณหลวงสุวิชานแพทย์ มาที่เรือและขอความกรุณาให้ท่านนั่งทางในตรวจดูเหตุการณ์ในเรือนางเสือง
คุณหลวงสุวิชานแพทย์ ผู้ไม่เคยขึ้นมาบนเรือนางเสืองสักครั้ง ได้นั่งทำสมาธิตรวจดูชั่วครู่ก็บอกว่า มีกระดูกคนตายเป็นฝรั่งสองคนผัวเมียถูกฆ่าตายอยู่บนเรือลำนี้นานมาแล้วก่อนที่จะมาเป็นของไทย และกระดูกนี้อยู่บนยอดเสากระโดงเรือ ขอให้ลูกเรือปีนขึ้นไปเอามาให้ท่าน
ลูกเรือคนหนึ่งปีนเสากระโดงเรือไปจนสุดเสา ก็พบห่อผ้าเก่าห่อหนึ่งอยู่บนยอดเสา จึงนำมาให้ท่าน
คุณหลวงสุวิชานแพทย์ ได้แกะห่อผ้าให้ทุกคนที่ชุมนุมกันอยู่ดู ปรากฏว่า มีกระดูกเก่า ๆ อยู่ในห่อผ้านั้นหลายชิ้น !
คุณหลวงฯ ได้แนะนำให้ทางบริษัทไทยเดินเรือทำบุญแผ่กุศลให้เจ้าของกระดูก นับแต่นั้นมาเรือนางเสืองก็สงบเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์ร้ายใด ๆ เกิดขึ้นอีกเลย
คุณธรรมอันวิเศษของ ท่านอาจารย์ พล.ร.ต.หลวงสุวิชานแพทย์ ร.น. เมื่อครั้งท่านมีชีวิตอยู่นั้น จนบัดนี้ยังหาท่านผู้ใดเทียบมิได้
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
|