โดยทองทิว สุวรรณทัต
“เดลินิวส์” อาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2535
เนื่องจาก ได้มีอาจารย์บางท่านแอบอ้างว่าตนเป็นผู้ตั้งศาลท่านท้าวมหาพรหม ณ โรงแรมเอราวัณ ถึงกับมีผู้สงสัยหลายคนโทรศัพท์ ไปถามผู้เขียนนั้น ผู้เขียนขอยีนยันว่า ท่านอาจารย์ พล.ร.ต. หลวงสุวิชานแพทย์ ร.น. เป็นผู้มอบหมายให้ คุณประยูร วงศ์ผดุง เป็นผู้ทำพิธีอัญเชิญท่านท้าวมหาพรหมสถิตในพระรูปปั้น (ที่ออกแบบโดยคุณเจือระวี ชมเสวี และ ม.ล. ปุ่น มาลากุล เป็นผู้ออกแบบศาล) โดยเครื่องพิธีการทั้งหมดกำหนดด้วยการติดต่อทางจิต ผ่านท่านอาจารย์คุณหลวงสุวิชานแพทย์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือให้คุณประยูร วงศ์ผดุง เป็นผู้กระทำพิธี โดยการควบคุมของท่านอาจารย์คุณหลวงสุวิชานแพทย์ ซึ่งในพิธีนี้มี พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจเป็นประธาน ทั้งนี้ก่อนหน้าที่จะตั้งศาลนั้น พล.ต.ต. ม.ล. จเร สุทัศน์ฯ ได้เชิญท่านอาจารย์คุณหลวงสุวิชานแพทย์ ไปพิจารณาเลือกสถานที่ ที่จะตั้งศาลถวายท่านท้าวมหาพรหม ในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ และได้ทำพิธีเปิดโรงแรมเอราวัณ พร้อมทั้งทำพิธีบวงสรวงและอัญเชิญท่านท้าวมหาพรหมประดิษฐานบนศาล ในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๔๙๙
คราวนี้ ก็จะขอเล่าถึงคุณธรรมอันวิเศษของท่านอาจารย์ คุณหลวงสุวิชานแพทย์ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว
ช่วยหาปืนหายให้นาวิกโยธิน
เมื่อครั้ง พล.ร.ท. ชื้น สนแจ้ง รับราชการอยู่ที่กรมนาวิกโยธินนั้น เกิดเหตุปืนเล็กยาวจำนวน ๑๐๐ กระบอกของกรมนาวิกโยธินหายไปโดยปราศจากร่องรอย ทำให้ท่าน พล.ร.ท. ชื้น ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบวิตกอย่างยิ่ง
หลังจากได้สั่งให้ทหารภายใต้การบังคับบัญชาของท่านค้นหาจนทั่วไม่พบแล้ว ท่านไม่ทราบจะแก้ไขอย่างไรต่อไปจึงลองติดต่อกับท่านอาจารย์หลวงสุวิชานแพทย์ดู ท่านอาจารย์ทราบความแล้วได้นั่งสมาธิประเดี๋ยวหนึ่งก็บอกแก่ พล.ร.ท. ชื้น ว่าให้รีบไปค้นดูปืนจำนวน ๑๐๐ กระบอกนี้อีกครั้ง คนร้ายได้แยกไปซ่อนสองที่ ที่ละ ๕๐ กระบอก ที่แรกซุกซ่อนอยู่โดยมีของปกปิดไว้ อีกที่หนึ่งก็ซุกไม่ห่างกันนัก ขอให้ พล.ร.ท. ชื้น รีบกลับไปตรวจค้นก่อนที่ของจะเคลื่อนย้าย
พล.ร.ท. ชื้น ทราบดังนั้นก็รีบไประดมทหารออกค้นโดยด่วน
ปรากฏว่าได้พบปืนจำนวน ๕๐ กระบอกแรกอยู่ในกระสอบ ซ่อนไว้ในห้องหนึ่ง มีผ้าคลุมปิดเอาไว้ ส่วนอีก ๕๐ กระบอกหลังก็อยู่ในกระสอบเช่นกัน แต่อยู่อีกที่หนึ่งไม่ห่างไกลกันนักเพื่อเตรียมขนย้ายภายหลัง
แม่ย่านางเรือโบราณ
อีกเรื่องหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นถึง “ตาทิพย์” ที่แม่นยำของท่านอาจารย์คุณหลวงสุวิชานแพทย์มีดังนี้
ท่านผู้หนึ่ง ได้เล่าให้ฟังว่าไปซื้อที่ดินบริเวณชานเมืองไว้ผืนหนึ่ง กำหนดจะปลูกบ้าน ครั้นได้ฤกษ์งามยามดีก็ลงมือขุดหลุมเพื่อฝังเสาเรือน พอขุดลงไปได้ไม่ถึงครึ่งเมตรปรากฏว่าพบไม้กลมยาวขนาดใหญ่ท่อนหนึ่งฝังขวางทางอยู่ จึงพยายามขุดเอาไม้ออกจากที่นั่นเพราะมิฉะนั้นจะลงเสาเรือนไม่ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถจะขุดเอาไม้ท่อนนั้นออกไปได้ ทั้งๆ ที่ระดมคนงานมานับสิบ จนอ่อนใจก็พอดีมีผู้แนะนำให้ท่านผู้นั้นไปลองเรียนถามท่านอาจารย์คุณหลวงสุวิชานแพทย์ดู เขาจึงรีบอาบน้ำอาบท่าจัดแจงหาดอกไม้ธูปเทียนไปกราบท่านแล้วเล่าถึงอุปสรรคในการปลูกบ้านของเขาให้ท่านฟัง ท่านอาจารย์คุณหลวงสุวิชานแพทย์นั่งสมาธิประเดี๋ยวเดียวก็บอกแก่เขาว่า
ใต้บริเวณพื้นดินที่ท่านผู้นั้นจะปลูกบ้านมีซากเรือโบราณอยู่ลำหนึ่งจมอยู่ การปลูกบ้านในครั้งนี้จึงมิใช่ปลูกบ้านบนพื้นดินอย่างบ้านเรือนของคนทั่วไป แต่เป็นการปลูกบ้านบนเรือโบราณนั้นเทียว!
แล้วท่านอาจารย์ก็ทำการบอกกล่าวแก่เจ้าของเรือโบราณลำนั้นขออย่าได้ขัดขวางการปลูกบ้านในภายหลัง และแนะนำให้เขาเอาเด็กเล็กๆ สัก ๕ คน แล้วหาเชือกเส้นเล็ก ๆ ธรรมดาไปผูกกับเสานั้นให้เด็กช่วยกันจูงขึ้นมา
ท่านผู้นั้นก็กราบลาอาจารย์กลับบ้าน แล้วไปเกณฑ์เด็กๆ ที่มีอายุ ๕ – ๖ ขวบ มาได้ ๕ คน แล้วนำเชือกเส้นเล็ก ๆ ไปผูกกับท่อนไม้ขนาดใหญ่ที่จมอยู่ใต้ดิน
ปรากฏเป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งที่ไม้จมดินขนาดผู้ใหญ่ชายฉกรรจ์จำนวนมากช่วยกันพยายามเอาเสาไม้ขึ้นเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ แต่เพียงเด็กตัวเล็กๆ ๕ คน เท่านั้นก็สามารถจูงลากเสาไม้ท่อนนั้นขึ้นมาได้อย่างสบาย แทบจะพูดได้ว่าไม่ต้องใช้กำลังเลย!
เมื่อขุดและลากเสาต้นนั้นขึ้นมาแล้ว ท่านผู้นั้นได้พิจารณาดูก็เห็นมีลักษณะเหมือนเสาเรือในสมัยก่อนตรงตามคำบอกเล่าของท่านอาจารย์คุณหลวงสุวิชานแพทย์ ซึ่งนั่งหลับตาเข้าสมาธิอยู่กับบ้านของท่านแท้ๆ แต่กลับเห็นและทำนายได้ถูกต้องแม่นยำ ทั้งยังช่วยขจัดอุปสรรคในการปลูกบ้านให้หมดสิ้นไปอีกด้วย !
ต่อมาท่านผู้นั้นได้ฝันว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งแต่งกายนุ่งห่มด้วยเสื้อผ้าสมัยโบราณสีแดงมาหา แต่มิได้พูดจาอะไร เพียงแต่มาปรากฏกายยืนมองเขาเฉยๆ ท่านผู้นั้นจึงได้ไปกราบเรียนท่านอาจารย์คุณหลวงสุวิชานแพทย์อีกครั้ง
ท่านอาจารย์บอกว่าผู้ที่มาปรากฏกายในความฝันของเขานั้นคือ แม่ย่านางของเรือลำนั้น !
ท่านอาจารย์คุณหลวงสุวิชานแพทย์ยังแนะนำให้เขากลับไปตั้งศาล แล้วอัญเชิญวิญญาณให้มาสถิตอยู่ในศาล และหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่แม่ย่านางเรือเสมอๆ จะเกิดความเจริญรุ่งเรืองต่อไปในภายหน้าอย่างแน่นอน
เขาจึงรีบกลับไปปฏิบัติตามคำแนะนำของท่านทุกประการ และนับแต่นั้นก็มีแต่ความอยู่เย็นเป็นสุข มีความเจริญในทางราชการสืบมา
ศาลพระเจ้าตาก
ท่านอาจารย์ คุณหลวงสุวิชานแพทย์ เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องจากวงสังคมทั่วไปว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางฌานสมาธิยอดเยี่ยมผู้หนึ่ง ท่านได้รับเชิญเข้าร่วมพิธีสำคัญๆ มาแล้วมากมายแทบจะกล่าวได้ว่าที่ใดมีการประกอบพิธีสำคัญแล้วท่านจะต้องได้รับเชิญให้เข้าร่วมด้วยทุกครั้ง
ครั้งหนึ่งทางราชการตั้งศาลพระเจ้าตากสินที่ท้องพระโรง ณ โรงเรียนนายเรือนั้น (คงจะเป็นการบูรณะมากกว่า เพราะศาลพระเจ้าตากสิน ในพระราชวังเดิม ซึ่งเป็นศาลที่มีอยู่นานแล้ว)
ท่านอาจารย์ซึ่งได้รับเชิญเข้าไปร่วมด้วย ได้นั่งสมาธิชั่วครู่ก็ได้เห็นวิญญาณของพระเจ้าตากสินเสด็จมาในพิธีนั้น และทราบว่าทรงโสมนัสเป็นยิ่งนักที่มีผู้เลื่อมใสสร้างศาลและพระบรมรูปไว้สักการะ จึงได้ประสาทความศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเติมไว้ที่ศาลของพระองค์นี้อีกด้วย
ผู้เขียนอยากให้บุคคลเช่น ท่านอาจารย์ พล.ร.ต. หลวงสุวิชานแพทย์ ร.น. เกิดในยุคนี้เป็นที่สุด เพื่อจะได้ช่วยปัดเป่าความทุกข์ยากแก่คนทั่วไปอีกครั้ง เพราะทุกวันนี้คนไทยมีความทุกข์มากเหลือเกิน เจ้าประคุณเอ๋ย!
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------