สถิติ
เปิดเมื่อ29/03/2013
อัพเดท18/05/2013
ผู้เข้าชม25545
แสดงหน้า34407
ปฎิทิน
April 2024
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
    




“เดลินิวส์” อาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2532 ผีขว้างบ้านคน

อ่าน 784

โดยทองทิว สุวรรณทัต

“เดลินิวส์” อาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2532

ผีขว้างบ้านคน

ในปัจจุบันนี้ ผู้คนมีความทุกข์กันเหลือเกิน ทั้งนี้จะเห็นได้จากจำนวนผู้โทรศัพท์ไปหาผู้เขียนมากกว่าแต่ก่อนมากมาย ส่วนมากจะเกี่ยวกับการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือไม่ก็ประสบปัญหาส่วนตัว ซึ่งจำต้องหาท่านผู้ทรงคุณธรรมอันวิเศษมาแก้ไข และด้วยเหตุนี้จึงมีผู้บ่นถึง ท่าน พล.ร.ต. หลวงสุวิชานแพทย์ ร.น.อยู่เสมอ เพราะถ้าจะพูดไปแล้ว หลังจากท่านถึงแก่อนิจกรรมตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ก็ดูจะหาบุคคลที่ประเสริฐเช่นท่านได้ยากยิ่งนัก ยากยิ่งเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรนั่นเทียว

แต่อะไรไม่สำคัญเท่ากับที่มีผู้อ่านหลายท่านต่อว่ามาว่า ผู้เขียนยังลงชีวประวัติของท่านอาจารย์หลวงสุวิชานแพทย์ ไม่หมด ทั้งๆ ที่ผู้เขียนเคยลงใน เดลินิวส์เมื่อสองปีก่อนมาแล้ว

ผู้เขียนหยิบต้นฉบับเก่าๆ มาอ่านทวนซ้ำ ก็เห็นจริง ยอมสารภาพ ฉะนั้น ในวันนี้เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระคุณของท่านอาจารย์หลวงสุวิชานแพทย์ที่ท่านช่วยเหลือปลดเปลื้องความทุกข์ของเพื่อนมนุษย์มานับไม่ถ้วน ประการหนึ่ง และเพื่อเป็นการสนับสนุนในเรื่องวิญญาณมีจริง อีกประการหนึ่ง ผู้เขียนจึงขอเล่าถึงคุณวิเศษของท่านอาจารย์ให้ฟังเป็นการเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่งดังต่อไปนี้

ท่านอาจารย์ ดร.คลุ้ม วัชโรบล เคยเล่าว่า เมื่อสมัยท่านยังชอบไปเล่นเทนนิสที่สมาคมแพทย์ ซึ่งเป็นโรงแรมดุสิตธานีในปัจจุบัน เด็กเก็บลูกเทนนิสเล่าให้ท่านฟังว่า ใกล้ๆ กับที่นั้นมีบ้านอยู่หลังหนึ่ง ถูกผีขว้างบ้านแทบทุกคืน จนอิฐเกลื่อนหลังคา เจ้าของบ้านถึงกับจ้างตำรวจมาล้อมบ้านแต่ก็จับไม่ได้

ท่านอาจารย์ ดร.คลุ้ม ก็มาคิดว่าแปลกอยู่

ต่อมาวันหนึ่งท่านก็ไปพบ คุณเทียน กรรณสูตซึ่งอยู่สมาคมกรีฑาเช่นเดียวกัน ท่านเห็นว่าบ้านของคุณเทียนอยู่ศาลาแดงแถวๆ นั้น อาจจะรู้เรื่องนี้บ้าง ท่านก็เลยถามคุณเทียน

คุณอยู่ศาลาแดง คุณรู้เรื่องผีขว้างบ้านคนหรือเปล่า? บ้านไหนก็ไม่รู้

คุณเทียนก็หัวร่อร่าบอกว่า บ้านผมเองครับ!

แล้วคุณเทียนก็เล่าให้ท่านอาจารย์ ดร.คลุ้มฟังว่า บ้านของคุณเทียนนั้นมีใครก็ไม่ทราบขว้างอิฐเข้ามาในบ้านเกลื่อนเลย บางวันนั่งอยู่ในห้องกว้างๆ อยู่ๆ ก็มีจานข้าวบินจากหน้าต่างด้านนี้ออกไปทางหน้าต่างด้านโน้น บางทีของที่ตั้งอยู่บนตู้ก็ตกลงมากลางบ้าน บางคืนแขกที่เฝ้ายามก็เห็นคนเดินไปเดินมาอยู่ในอู่ พอไขกุญแจเข้าไปดูก็หายไป ไม่เห็นมีใครอยู่ในนั้น แล้ววันหนึ่งก็มีใครไม่ทราบขว้างไม้เต็งท่อนหนึ่งขนาดสี่คนยก ที่เขาวางพาดท้องร่องขึ้นไปค้างอยู่บนหลังคา

คุณเทียนเห็นเหตุการณ์ชักจะไม่ได้เรื่องเข้าทุกวันเช่นนี้ ก็ไปเชิญ ท่านอาจารย์คุณหลวงสุวิชานแพทย์ มานั่งสมาธิตรวจดู

ท่านก็บอกว่า อ๋อ! นี่ไม่ใช่ผีสางอะไรหรอก นี่เกิดจากศาลพระภูมิเหมือนกัน เพราะแต่เดิมที่ตรงนี้มีสองเจ้าของ ต่างคนต่างก็มีศาลพระภูมิ พอคุณเทียนมาซื้อ ก็รื้อรั้วออก ย้ายศาลพระภูมิมาไว้ข้างๆ กัน ทีนี้ศาลพระภูมิทั้งสองไม่ถูกกัน ทะเลาะกันใหญ่ เรียกว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ จึงเป็นเหตุให้เกิดเรื่องขว้างปากันขึ้น

คุณหลวงสุวิชานฯ จึงแนะนำให้แยกศาลพระภูมิออกจากกัน ตั้งแต่นั้นมาเหตุการณ์ก็สงบ มีคนถามท่านอาจารย์ ดร.คลุ้มว่า อาจารย์ฟังแล้วเชื่อไหม?”

ท่านตอบว่า ผมเชื่อ! ผมไม่ใช่คนหัวรั้น ใครบอกอะไรก็เชื่อไว้ก่อน แล้วหาข้อพิสูจน์ทีหลัง ผมมองคนในแง่ดีเสมอ ก็เขาเป็นเจ้าของบ้าน เขาเป็นคนเล่า เราก็น่าจะเชื่อ

 

 

วิญญาณที่ ศ.อ.ศ.อ.

ท่านรัฐมนตรีอภัย จันทวิมล อดีตรัฐมนตรีศึกษาธิการ เคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อครั้งท่านติดตาม พล.อ. มังกร พรหมโยธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในสมัยนั้นไปพักผ่อนที่แก่งสะพือ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานีนั้น รถยนต์ที่โดยสารไปคว่ำกลางทาง อาจารย์ฝรั่งถึงแก่ซี่โครงหัก ส่วนตัวท่านฟกช้ำดำเขียว

ท่านเล่าต่อไปว่า

ในปีต่อมา ข้าพเจ้าได้รับแต่งตั้งจากคุรุสภา ให้เป็นผู้อำนวยการ ช.ศ.ร. (การชุมนุมเพื่อการศึกษาระหว่างภาคเรียนฤดูร้อน) ณ จังหวัดอุบลราชธานี และได้มีการจัดให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมไปทัศนาจรเมืองเรณูนคร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม กิจการได้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย แต่รถยนต์ฟอร์ดคันที่ข้าพเจ้าโดยสารไปกับบุตรชายชื่อ อากร และบุตรีหญิงชื่อ อรพินทร์ เกิดคันส่งหลุด รถคว่ำตกถนนไปอยู่ข้างทางที่อำเภอม่วงสามสิบ คนขับรถกับบุตรสองคนไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ข้าพเจ้าเคราะห์ไม่ดี นั่งหน้าคู่กับคนขับรถถูกกระจกหน้ารถชนริมฝีปากบนแตก เลือดไหลต้องกลับมาให้ นายแพทย์ชลวิชช์ ชุติกร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุบลราชธานี เย็บบาดแผลให้ถึง ๑๒ เข็ม

หลังจากนี้ข้าพเจ้าทราบว่า คุณหลวงสุวิชานแพทย์ เป็นผู้ที่มีความสามารถมองเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ว่าเกิดขึ้นเพราะเหตุไร ข้าพเจ้าจึงปรารถนาที่จะไปปรึกษาท่านว่าเป็นเพราะเหตุไร ข้าพเจ้าจึงประสบอุบัติเหตุรถคว่ำบ่อยๆ ข้าพเจ้าไม่รู้จักกับคุณหลวงสุวิชานแพทย์ เป็นการส่วนตัว แต่ทราบว่าเพื่อนของข้าพเจ้าคนหนึ่ง คือ นายชุณห์ อรุณโรจน์คุ้นเคยกับคุณหลวงสุวิชานแพทย์ ข้าพเจ้าจึงได้ขอให้พาข้าพเจ้าไปพบคุณหลวงสุวิชานแพทย์และเมื่อพบกันแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้เล่าเรื่องต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นให้ท่านฟัง

คุณหลวงสุวิชานแพทย์ นั่งหลับตาเข้าสมาธิอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็บอกกับข้าพเจ้าว่าที่ตั้งของ ศ.อ.ศ.อ. ตั้งอยู่ในรัศมีของหนองน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีดวงวิญญาณของบุคคลที่ตายไปนานแล้วยังสิงสู่อยู่ในบริเวณ ดวงวิญญาณนั้นยังอาละวาดอยู่ จึงทำให้ข้าพเจ้าประสบอุบัติเหตุรถคว่ำอยู่เนืองๆ

ข้าพเจ้าได้ชี้แจงว่า ในระหว่างที่ปฏิบัติงานที่ ศ.อ.ศ.อ. ก็ได้มีการบำเพ็ญกุศลและประกอบพิธีสงฆ์ตามประเพณีอยู่เสมอ แต่คุณหลวงสุวิชานแพทย์บอกว่าการบำเพ็ญกุศลเช่นนั้นยังไม่ถึงดวงวิญญาณที่สิงสู่อยู่ที่ ศ.อ.ศ.อ. ท่านจึงแนะนำให้ข้าพเจ้านิมนต์พระ ๕ รูป มาฉันภัตตาหารเพล.ที่ ศ.อ.ศ.อ. แล้วกรวดน้ำโดยกล่าวว่า

ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่วิญญาณที่สิงสู่อยู่ ณ ที่นี้ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด

ครั้นข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามคำของคุณหลวงสุวิชานแพทย์และมีการจัดตั้งศาลพระภูมิที่ ศ.อ.ศ.อ. ด้วย นอกจากนั้น นายประมูล พลโกษฐ์ ผู้อำนวยการ ศ.อ.ศ.อ. คนปัจจุบันก็เคยบอกแก่ข้าพเจ้าว่า ที่ ศ.อ.ศ.อ. มีดวงวิญญาณของพระเจ้าชัยบุรี สถิตอยู่ อย่างไรก็ดีภายหลังที่ทำบุญเลี้ยงพระ ๕ รูป และอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณที่สิงสู่อยู่ ณ ที่นี้จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด ข้าพเจ้าก็มิได้ประสบอุบัติเหตุรถยนต์คว่ำอีกเลย

โรงละครแห่งชาติ

ท่าน พล.ร.ต. หลวงสุวิชานแพทย์ ร.น. ได้กล่าวถึงการคิดทำงานใหญ่ของบุคคลสำคัญ ที่มักจะมองข้ามการเซ่นบวงสรวงต่อเจ้าที่เจ้าทาง อย่างเช่นการก่อสร้างโรงละครแห่งชาติของกรมศิลปากร (ทดแทนหลังเก่าที่ถูกเพลิงไหม้ไปเมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๐๓ และได้รับงบประมาณเพื่อสร้างใหม่ และทำพิธีวางศิลาฤกษ์ในปี ๕ ธ.ค. ๒๕๐๓) นั้น เดิมที คุณหลวงวิจิตรวาทการ อดีตปลัดบัญชาการ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานกรรมการจัดสร้าง แต่ยังไม่ทันที่ผลงานจะเรียบร้อย อดีตปลัดบัญชาการก็ถึงแก่อนิจกรรมเสียก่อน ในในวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๕

ต่อมาจอมพลถนอม กิตติขจร (ครั้งเมื่อเป็นพลเอก ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี) ได้รับมอบหมายแทน เพียงเริ่มผลงาน ประธานคนใหม่ก็ล้มเจ็บลง

ท่านอาจารย์คุณหลวงสุวิชานแพทย์ ได้รับเชิญให้ไปตรวจสอบสถานที่ดู

ปรากฏว่า สถานที่ก่อสร้างโรงละครแห่งชาติเดิมเป็นพระราชวังของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว (ในรัชกาลที่ ๔) และการก่อสร้างไม่ได้ขออนุญาตก่อน เลยมีเหตุบันดาลให้เป็นไป

เมื่อเป็นดังนั้นจึงต้องทำพิธีบวงสรวงขอขมาลาโทษ และจะจัดสร้างพระบรมรูปถวายเมื่อโรงละครแห่งชาติสร้างเสร็จแล้ว

นับแต่วาระนั้น ท่านจอมพลถนอมกิตติขจร ก็หายวันหายคืน